ใครควรใช้โทนเนอร์บ้าง?
จริงๆแล้วทุกคนควรที่จะใช้ โทนเนอร์ เพื่อลดปัญหาสิ่งสกปรกเข้าไปอุ ดตันในรูขุมขนบริเวณใบหน้า ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสิวผิวอักเสบเกิดรอยดำรอยแดงและความหมองคล้ำบริเวณใบหน้า ไม่ใช่แค่สิ่งสกปรกที่เกิดจากฝุ่นละอองเท่านั้นยังมีความมันบนใบหน้าและการแต่งหน้าอีกที่ เป็นสาเหตุของการเกิดสิวและปัญหาผิวหน้าต่างๆเพราะฉะนั้นโทนเนอร์จึงจำเป็นสำหรับการทำความสะอาดผิวหน้าหลังการล้างหน้า ที่ทุกคนควรใช้
โทนเนอร์คืออะไร?
โทนเนอร์คือผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ช่วยทำความสะอาดคราบสกปรกและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ในรูขุมขนได้ อย่างลึกซึ้ง หลังการล้างหน้า มาในรูปแบบของเหลวน้ำ มาพร้อมกับสารบำรุงส่วนต่างๆที่ ผสมลงไปแล้วแต่บริษัทผู้ผลิตเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวของผู้ใช้ เป็นเรื่องดีถ้าคุณจะใช้เป็นโทนเนอร์เป็นประจำเพราะทนเนอร์ เพราะโทนเนอร์นั้นจะเข้าไปบำรุงผิว ลดความหยาบกร้านช่วยปรับสีผิว และปรับรูขุมขนของคุณให้กระชับเล็กลงทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน
โทนเนอร์ดียังไง?
ข้อดีของโทนเนอร์ คือสามารถปรับระดับ pHฟื้นฟูสภาพผิวอย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำให้ความชุ่มชื่นตามธรรมชาติของผิวหายไป
การใช้งานโทนเนอร์
คือใช้ก้อนสำลีชุบโทนเนอร์เช็ด เบาๆ ให้ทั่วผิวหน้า หลังล้างหน้า ก่อนขั้นตอนการลงครีมบำรุงผิวหรือ มอยส์ไรเซอร์ ในเวลาเช้าหรือก่อนนอน
โทนเนอร์โดยทั่วไปมีกี่ประเภท ?
โดยทั่วไปโทนเนอร์จะแบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ
1.โทนเนอร์ที่ให้ความชุ่มชื้น
เป็นโทนเนอร์ บำรุงผิวหน้า สูตรอ่อนโยนที่สุดที่มีสารให้ ความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูโรนิกหรือกลีเซอรีน ผสมอยู่และโทนเนอร์ประเภทนี้เน้นให้ความรู้สึก สดชื่น นุ่มชุมชื่นกับผิวในระยะเวลาอันรวดเร็ว และไม่รู้สึกตึงหน้าหลังจากล้างหน้าทำความสะอาดสิ่งสกปรก ไม่เน้นการ
ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างลึกซึ้ง
- การใช้งาน : ไม่ต้องใช้สำลีสามารถทาลงบนผิวหน้าได้เลย
- เหมาะสำหรับ : ทุกสภาพผิว จะดีมากกับสภาพผิวแห้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นขึ้น
2.โทนเนอร์ที่ใช้สำหรับขัดผิวเป็นโทนเนอร์จะช่วยขจัดขัดเซลล์ ผิวเก่าฉัน ชั้นบนสุดของผิวหนัง ที่ตายแล้วบนผิวหนังออก ขจัดความหมองคล้ำคความหยาบกร้าน สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอออก ลบเลือนริ้วรอยและทำให้รูขุมขนสะอาด แก้ปัญหาผิวต่างๆ โทนเนอร์ประเภทนี้จะประกอบไปด้วยสาร ไฮดรอกซีหรือเอนไซม์ผลไม้ชนิดหนึ่ง และโทนเนอร์ตัวหนึ่งที่ได้รั บความนิยมมากที่สุดก็คือ โทนเนอร์ที่มีกรดไกลโคลิคและโทนเนอร์ กรดซาลิไซลิก เป็นโทนเนอร์ที่มีประสิทธิภาพในการขัดทำความสะอาดผิวอย่างมาก
- การใช้งาน :ใช้สำลีก้อนชุบโทนเนอร์แล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้า
- เหมาะสำหรับ : ผิวธรรมดา ผิวผสม ผิวมัน ไม่เหมาะกับผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ควรหลีกเลี่ยงไปใช้โทนเนอร์ ที่มีส่วนผสมของสาร ในกลุ่ม ที่มีกรดแลคติกหรือกรด โพลีไฮดรอกซี ที่มี ความอ่อนโยนมากกว่า
3.โทนเนอร์สำหรับทรีทเม้นต์
เป็นโทนเนอร์ที่ผลิตมาเพื่อแก้ ปัญหาผิวโดยเฉพาะ เป็นโทนเนอร์ที่ให้การบำรุง ต่อต้านริ้วรอย แก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ช่วยปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใส ช่วยปรับสมดุลย์ให้ผิวหน้า และยังคงความนุ่มชุ่มชื่นเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป แต่จะใส่สารสกัดจากพืช ที่เข้าไปบำรุงผิวในกลุ่ม คาโมไมล์หรืออัลลันโทอิน เพื่อลดการระคายเคื องและรอยแดงบนผิวหน้า และลดการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
- การใช้งาน : ใช้สำลีชุบโทนเนอร์แล้วเช็ดให้ ทั่วใบหน้า
- เหมาะสำหรับ : ผิวทุกประเภท รวมถึงผิวมัน ผิวแพ้ง่าย ผิวที่มีปัญหาริ้วรอย
โทนเนอร์แบ่งตามสภาพผิวมีกี่ประเภท ?นอกจากนี้โทนเนอร์สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามคุณลักษณะต่างๆ รวมถึงแบ่งตามความเหมาะสมกับผิวหน้าและความต้องการของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม สามารถสรุปประเภทโดยทั่วไปได้ดังนี้:
1. โทนเนอร์สำหรับผิวมัน: โทนเนอร์ประเภทนี้มักจะมีส่วนประกอบที่ช่วยลดความมันบนใบหน้า เช่น กรดซาลิไซลิค หรือสารที่มีความสามารถในการลดการทำงานของต่อมหอม ทำให้ผิวดูสดใสและไม่มีความหมุนเวียนของมันเยอะมาก
2. โทนเนอร์สำหรับผิวแห้ง: โทนเนอร์ประเภทนี้มักจะมีส่วนประกอบที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้ง และไม่คล้ำ เช่น สารเพียงพอโฟลแอนท์ โฟลีนอล หรือออลแคสเซริน 3.โทนเนอร์สำหรับผิวผสม: ผิวผสมมักจะมีลักษณะที่แตกต่างกันบนแผ่นหน้า โทนเนอร์ประเภทนี้อาจมีสารบำรุงที่เหมาะสำหรับทั้งส่วนแห้งและส่วนมันของผิว เช่น สารเปรียวผิว ซึ่งช่วยให้ผิวหน้าดูสม่ำเสมอและไม่มีความหมุนเวียนของมัน
การเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะสมสำหรับผิวของคุณมีความสำคัญอย่างมาก เพราะสารส่วนประกอบในโทนเนอร์อาจทำให้ผิวหน้าเป็นผลเสียได้ ดังนั้นควรเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะกับปัญหาผิวของคุณและไม่ทำให้มีผลเสียต่อผิวหน้าเพิ่มเติม
เมื่อคุณได้ทราบรายละเอียดต่างๆจะโทนเนอร์แล้วคราวนี้ เรามาดูกันว่าหน้าตาโทนเนอร์ที่ นิยมใช้มีหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง
ข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทนเนอร์
โทนเนอร์จำเป็นหรือไม่?
การใช้โทนเนอร์ไม่จำเป็น แต่โทนเนอร์สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิว
โทนเนอร์แบ่งตามคุณสมบัติหลักมีกี่ประเภท?
โทนเนอร์มีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติหลัก ตัวอย่างประเภทหลักๆ ของโทนเนอร์ ได้แก่:
1.โทนเนอร์ทำความสะอาด: ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินบนผิว
แนะนำตัวอย่างโทนเนอร์ทำความสะอาด:
Bioderma Sensibio H2O Micellar Water
Garnier Micellar Water All-in-One Cleanser & Makeup Remover Simple Kind to Skin Refreshing Facial Toner 2.โทนเนอร์ปรับสมดุลผิว: ช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิว แนะนำตัวอย่างโโทนเนอร์ปรับสมดุลผิว:
Thayers Alcohol-Free Witch Hazel Toner
Klairs Supple Preparation Facial Toner Pyunkang Yul Essence Toner 3.โทนเนอร์บำรุงผิว: อุดมไปด้วยสารบำรุง เช่น กรดไฮยาลูโรนิก วิตามินซี หรือเปปไทด์ แนะนำตัวอย่างโโทนเนอร์บำรุงผิว:
Fresh Rose Deep Hydration Facial Toner
Pixi Glow Tonic Exfoliating Toner COSRX Galactomyces Alcohol-Free Toner 4.โทนเนอร์เฉพาะจุดสำหรับผิวมีปัญหา: ช่วยแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น รูขุมขนกว้าง หรือผิวหมองคล้ำ แนะนำตัวอย่างโโทนเนอร์เฉพาะจุด:
Paula’s Choice 2% BHA Liquid Exfoliant
The Ordinary Salicylic Acid 2% Masque COSRX Acne Pimple Master Patch คำแนะนำ:แนะนำให้ลองหาข้อมูลและอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงก่อนตัดสินใจซื้อควรทดสอบโทนเนอร์บนบริเวณผิวหนังที่เล็กก่อนใช้กับใบหน้าทั้งหมดควรเลือกโทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวควรใช้โทนเนอร์อายุเท่าไหร่?โดยทั่วไปแล้ว สามารถเริ่มใช้โทนเนอร์ได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละบุคคลควรใช้โทนเนอร์บ่อยแค่ไหน?โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ใช้โทนเนอร์วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดควรใช้โทนเนอร์ก่อนหรือหลังล้างหน้า?ควรใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้าโทนเนอร์มีราคาแพงหรือไม่?โทนเนอร์มีราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแบรนด์และส่วนผสม มีโทนเนอร์ราคาประหยัดและราคาสูงโทนเนอร์อันตรายหรือไม่?โทนเนอร์โดยทั่วไปแล้วปลอดภัย แต่ควรเลือกโทนเนอร์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และทดสอบโทนเนอร์บนบริเวณผิวหนังที่เล็กก่อนใช้กับใบหน้าทั้งหมด